Acne CLEAR LIGHT Treatment รักษาสิว ผิวหน้าใส ด้วยแสงบำบัดผิว

Manthanee Clinic



คุณสมบัติของ CLEAR LIGHT 

-ลดสิวอุดตัน สิวอักเสบ ทำให้สิวแห้งเร็ว
-ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิว
-ลดการทำงานของต่อมไขมัน
-รักษารอยแดง ลดการอักเสบของผิว

-FDA Approved เครื่องคุณภาพ มาตรฐาน ได้รับการรับรองจากอย.

-ขณะทำ จะรู้สึกอุ่นๆ สบายผิว ใช้เวลา 15-20 นาที

-หลังทำไม่มีอาการข้างเคียงใดๆ

-ทำได้บ่อย ทุก 1 สัปดาห์

.

CLEAR Light คืออะไร?

CLEAR Light คือเทคโนโลยีการบำบัดผิวด้วยแสง  เป็นการรักษาสิวโดยใช้แสงที่มีความยาวคลื่นต่างๆ เพื่อช่วยลดการอักเสบและการติดเชื้อในผิวหนัง ซึ่งเหมาะสำหรับการรักษาสิวโดยเฉพาสิวอักเสบ หรือ สิวที่เกิดจากแบคทีเรีย ช่วยในการรักษาปัญหาผิวชนิดต่างๆได้หลากหลาย ด้วยคุณสมบัติการทำงานของแสงแต่ละสี ดังนี้

1.Blue Light (แสงสีฟ้า) ความยาวคลื่น 420-490 nm คุณสมบัติช่วยยับยั้งปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิว โดยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.acnes หรือ Propionibacterium acnes ที่เป็นต้นเหตุของสิว จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อใหม่

2.Red Light (แสงสีแดง) ความยาวคลื่น 630-670 nm คุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเรียบเนียน รักษาผิวอักเสบ ลดอาการบวม และลดเลือนริ้วรอย

3.Yellow Light (แสงสีเหลือง) ความยาวคลื่น 468-590 nm คุณสมบัติช่วยรักษารอยดำ ฝ้า กระ ให้จางลงตามธรรมชาติ และกระตุ้นระบบน้ำเหลือง รวมถึงระบบการไหลเวียนของโลหิตด้วย

4.Green Light (แสงสีเขียว) ความยาวคลื่น 495-760 nm คุณสมบัติรักษา รอยแดง รอยดำ รักษาสิวอุดตัน สิวหัวดำ ปรับสมดุลผิว กระชับรูขุมขน รวมถึงอาการแพ้ต่าง ๆ สาหรับผิว แพ้ง่าย


ขั้นตอนในการรักษาด้วย Acne CLEAR LIGHT Treatment
1. ลง AHA และ BHA เข้มข้นตามสภาพผิว เพื่อละลายสิวอุดตัน ทำให้หัวสิวเปิดออก กดสิวออกได้ง่าย
2. กดสิวอุดตันหัวเปิด และหัวปิด โดยการใช้เข็มsterile ชนิดใช้แล้วทิ้ง เจาะเปิดหัวสิว บางกรณีที่สิวฝังตัวแน่น ขนาดใหญ่มาก อาจทำการเลเซอร์เปิดหัวสิวร่วมด้วย
3. ฉีดยาลดอาการบวมแดง เฉพาะหัวสิบอักเสบขนาดใหญ่
4. บำบัดผิวด้วยการฉายแสง CLEAR LIGHT ฆ่าเชื้อสิว ลดรอยแดง ลดการอักเสบและช่วยให้ผิวสมานตัวเร็วขึ้น

ก่อนการรักษา แพทย์จะซักประวัติและตรวจสภาพผิว เพื่อหาสาเหตุของสิว นำไปสู่การรักษาอย่างถูกวิธี เห็นผลการรักษาชัดเจน ปริมาณสิวลดลงตั้งแต่ในสัปดาห์แรก
หลังการรักษา ควรใช้ยาตามแพทย์สั่งอย่างต่อเนื่อง และควรมารับการรักษาทุก 1 สัปดาห์ หรือตามนัดค่ะ

ACNE CLEAR Light Treatment

โปรโมชั่น ครั้งละ 1,600 บาท

คอร์ส 5 ครั้ง 6,500 บาท

(ทรีทเม้นท์ละลายสิว กดสิว ฉีดสิวโดยแพทย์ + CLEAR Light หรือ Acne Mask พร้อมรับยา 4 ชนิด)

ระยะเวลา 40 นาที   ความถี่ในการรักษา ทุก 1 สัปดาห์


-ขอขอบคุณ กูรูเช็ค จัดอันดับให้กับมัณฑนีคลินิก อยู่ใน อันดับที่

คลินิกรักษาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วยมาเด้คอลลาเจน

 https://gurucheck.co.th/article_detail/madecollagen-clinic/573

-ขอขอบคุณ my-bestที่จัดอันดับให้กับมัณฑนีคลินิกอยู่ใน อันดับที่ 4

10 Made Collagen ที่ไหนดี ปี 2024 มาเด้หน้าใส ฟื้นฟูผิว ลดสิวได้ https://th.my-best.com/51492

-ขอขอบคุณทางmy-bestที่จัดอันดับให้กับมัณฑนีคลินิก อันดับที่ 6 

เลเซอร์สิวอุดตัน ที่ไหนดี ปี 2024 แบบ IPL, Clear Light, Co2

https://th.my-best.com/50674

-Toprankthailand.com อันดับที่ 6  

10 อันดับ เลเซอร์สิวอุดตัน ที่ไหนดี แก้ปัญหาสิว บนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ


    อยากหน้าใสไร้สิว ควรทำอย่างไรดี
วิธีการรักษาสิวหลักๆ ได้แก่ การยาทา รับประทานยา และการรักษาเสริม เช่น กดสิว ฉีดสิว เลเซอร์
ยาทา มี 3 กลุ่มดังนี้
- ยาทากลุ่มกรดวิตามินเอ จะช่วยละลายสิวอุดตันได้ดีมาก ข้อควรระวัง คือมักเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
- Benzoyl peroxide ช่วยลดปริมาณของ P. acne ลดการอักเสบ และละลายสิวอุดตันได้ดีมาก ควรระวังการระคายเคืองเช่นเดียวกัน
- ยาปฏิชีวนะ เช่น clindamycin, metronidazole และ erythromycin จะช่วยลดปริมาณเชื้อ bacteria P.acne ลดการอักเสบได้ดี แต่ไม่ควรใช้ตัวเดียวเป็นเวลานานๆ แนะนำใช้ร่วมกับยากลุ่มอื่นเช่น BP และกรดวิตามินเอด้วย เพื่อป้องกันการดื้อยา
- ยาทากลุ่มอื่นๆ เช่น salicylic acid, azeliac acid ช่วยละลายสิวอุดตันและลดเชื้อ P.acne ได้เช่นกัน
ยารับประทาน ได้แก่ ยาปฏิชีวนะ และกรดวิตามินเอ ใช้ในกรณีสิวอักเสบเรื้อรัง รุนแรง ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
การรักษาเสริม เช่นการกดสิวอุดตันออก การฉีดสิวด้วยยาสเตียรอยด์ เพื่อลดการบวมแดง และการทำเลเซอร์ เพื่อช่วยลดเชื้อ P.acne ลดสิวอักเสบ และรักษารอยแดงได้ดี
ข้อสำคัญ คือการตรวจวิเคราะห์หาสาเหตุ และปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดสิวในแต่ละบุคคล ที่มักพบบ่อย ได้แก่ การแต่งหน้าเป็นประจำ ฝุ่นละออง การล้างหน้าเช็ดถูใบหน้ารุนแรง การบีบแกะสิว ภาวะความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ และโรคถุงน้ำรังไข่ PCOS เป็นต้น เพื่อการป้องกันการเกิดสิวต่อไป

สาเหตุของการเกิดสิวได้แก่อะไรบ้าง

สิวเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่มีการสะสมของน้ำมัน (Sebum), เชื้อแบคทีเรีย, และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบและเกิดตุ่มสิวขึ้นได้ สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวนั้นมีหลายปัจจัย ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ดังนี้:

1. การผลิตน้ำมัน (Sebum) ที่มากเกินไป

  • ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดสิว โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนสูง หรือในช่วง ประจำเดือน, การตั้งครรภ์, หรือ การใช้ยาคุมกำเนิด ที่มีผลต่อการผลิตน้ำมันในผิว
  • น้ำมันจากผิว: เมื่อมีการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป น้ำมันจะสะสมและอุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว

2. การอุดตันของรูขุมขน

  • เซลล์ผิวที่ตายแล้ว: เมื่อเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วไม่หลุดออกจากรูขุมขนอย่างมีประสิทธิภาพ จะเกิดการสะสมร่วมกับน้ำมันและทำให้เกิดการอุดตัน
  • ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว: การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสมหรือไม่เหมาะกับสภาพผิวอาจทำให้เกิดการอุดตันและทำให้เกิดสิวได้ (เช่น การใช้เครื่องสำอางที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม)

3. เชื้อแบคทีเรีย (Propionibacterium acnes)

  • การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย: ในรูขุมขนที่ถูกอุดตันจะมีการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีอยู่ตามธรรมชาติในผิว แต่เมื่อมีการเจริญเติบโตมากเกินไปก็จะทำให้เกิดการอักเสบและเป็นสิว

4. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

  • วัยรุ่น: ช่วงวัยรุ่นที่การผลิตฮอร์โมน แอนโดรเจน เพิ่มขึ้นทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น และทำให้รูขุมขนอุดตันง่าย
  • การตั้งครรภ์: ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในระหว่างตั้งครรภ์อาจกระตุ้นการผลิตน้ำมันที่มากขึ้น ทำให้เกิดสิวได้
  • วัยหมดประจำเดือน: ในบางกรณีผู้หญิงในช่วงวัยหมดประจำเดือนก็สามารถมีสิวได้เช่นกัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน


5. ความเครียด

  • ความเครียดสามารถทำให้ฮอร์โมน คอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการผลิตน้ำมันที่มากขึ้นในผิวหนัง ทำให้เกิดสิวได้

6. อาหาร

  • อาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูง: เช่น ขนมหวานหรืออาหารแปรรูปที่มีน้ำตาลสูง อาจทำให้ระดับอินซูลินและฮอร์โมนแอนโดรเจนเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถกระตุ้นการผลิตน้ำมันในผิวและทำให้เกิดสิว

  • นม: การบริโภคนมบางชนิดอาจเชื่อมโยงกับการเกิดสิวในบางคนได้ 

7. การสัมผัสใบหน้าเป็นประจำ
  • การจับสัมผัสใบหน้าบ่อยๆสามารถทำให้เกิดสิวได้ เนื่องจากการสัมผัสอาจนำเชื้อแบคทีเรียและความมันไปยังผิวหน้าและทำให้เกิดการอุดตัน

8. การใช้ยาบางชนิด
  • ยาคุมกำเนิด: ยาบางประเภทที่มีฮอร์โมนบางชนิดอาจทำให้เกิดการเกิดสิว เช่น ยาคุมที่มีปริมาณฮอร์โมนแอนโดรเจนสูง
  • ยาสเตียรอยด์: การใช้ยาสเตียรอยด์ (Corticosteroids) อาจกระตุ้นการเกิดสิวได้
  • ยาบางชนิด: เช่น ยาต้านเศร้าบางตัวที่อาจส่งผลให้เกิดสิว

9. การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสม
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ เช่น เครื่องสำอางที่มีความมัน หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มากเกินไป ก็สามารถทำให้เกิดการระคายเคืองและอุดตันรูขุมขนได้

10. การสัมผัสสารเคมีหรือมลภาวะ

  • มลภาวะจากอากาศ: มลภาวะหรือฝุ่นละอองจากอากาศสามารถทำให้ผิวระคายเคืองและอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดการอักเสบและสิวได้
  • สารเคมีในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว: สารเคมีในผลิตภัณฑ์บางตัวอาจทำให้เกิดการอุดตันและระคายเคืองผิว ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดสิวได้

  • 11.PCOS (Polycystic Ovary Syndrome) หรือ โรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของรังไข่และระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยมักจะมีอาการหลายอย่างร่วมกัน เช่น รังไข่หลายใบ, ระดับฮอร์โมนเพศชายสูง (Androgens), และมีการหยุดประจำเดือนหรือประจำเดือนที่ไม่ปกติ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดสิวได้


    • ทำไม PCOS ถึงทำให้เกิดสิว?

      -ระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนสูง  ผู้ที่มี PCOS มักจะมีระดับฮอร์โมน แอนโดรเจน (Androgens) หรือ ฮอร์โมนเพศชาย สูงกว่าผู้หญิงทั่วไป ซึ่งฮอร์โมนนี้มีบทบาทในการกระตุ้นการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันในผิวหนัง การผลิตน้ำมันที่มากเกินไปจะทำให้รูขุมขนอุดตัน และสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเติบโตของแบคทีเรีย ทำให้เกิดสิวได้

      -การอุดตันของรูขุมขน เมื่อมีน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมในรูขุมขน ก็จะทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว

      -ความไม่สมดุลของฮอร์โมน นอกจากฮอร์โมนแอนโดรเจนที่สูงแล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอื่นๆ เช่น อินซูลิน ซึ่งมักจะมีระดับสูงในผู้ที่เป็น PCOS โดยระดับอินซูลินสูงสามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน และทำให้สิวและปัญหาผิวหนังอื่นๆ แย่ลง

      -ภาวะดื้อต่ออินซูลิน ผู้ที่เป็น PCOS มักมีปัญหาดื้อต่ออินซูลิน (Insulin resistance) ซึ่งอาจทำให้ระดับอินซูลินในเลือดสูงขึ้น การมีอินซูลินสูงจะกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจนเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการผลิตน้ำมันในผิวหนังและเกิดสิว


สรุป สิวเกิดจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกัน ไม่ว่าจะเป็นการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป การอุดตันของรูขุมขน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน, ความเครียด, อาหาร หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม การรักษาสิวต้องพิจารณาปัจจัยเหล่านี้และเลือกวิธีที่เหมาะสมเพื่อป้องกันและรักษาสิวอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ






















บริการอื่นๆ