อยากสวยเป๊ะ อย่าละเลยครีมกันแดด

Manthanee Clinic



นอกจากการทาครีมบำรุงผิวแล้ว อย่าลืมเสริมความแข็งแกร่งให้ผิวอีกชั้นด้วยการทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV อันเป็นสาเหตุทำให้ผิวเกิดฝ้า กระ และหมองคล้ำจากรังสี UV B และที่สำคัญในระยะยาวคือช่วยป้องกันริ้วรอยแก่ก่อนวัยจากรังสี UV A ด้วยค่ะ


การทาครีมกันแดดให้มีประสิทธิภาพ
ควรทาให้หนาพอควร คือประมาณ 1 มิลลิเมตร ทาก่อนออกจากบ้าน 30 นาที และทาทับทุก 3-4 ชั่วโมง ถึงจะได้ผลตามค่า SPF หรือ PA ที่แจ้งไว้

ข้อน่าสนใจคือ การหาค่า SPF เหล่านี้ทำในห้องทดลอง แต่พอมาใช้จริงกับผิวคนเราในชีวิตประจำวัน มักได้ค่าลดลงเสมอ เนื่องจากปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น ทาไม่หนาเพียงพอ เหงื่อออก การเช็ดถูใบหน้า การซับหน้าบ่อยๆ ล้วนทำให้ครีมกันแดดหลุดออกค่ะ

ค่า SPF(Sun Protection Factor)คืออะไร ต่างกับ PA(Protection of UV-A) อย่างไร

SPF บอกถึงการป้องกันอาการแดงไหม้ที่ผิว ( Sunburn ) ซึ่งมักเกิดจากรังสี UV B
ส่วนPA บอกถึงการป้องกันรังสี UV A ซึ่งไม่ใช่ค่ามาตรฐาน ดังนั้น ถ้าผลิตภัณฑ์ไม่ได้ระบุค่าPA ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ได้ป้องกันค่ะ

ตัวอย่างการแปลผล เช่น ค่าSPF 30 แปลว่าอะไร
แปลว่าถ้าปกติ เมื่อตากแดดที่แห่งหนึ่ง ใช้เวลา 15 นาที จะเกิดอาการแดง หากทากันแดดค่าSPF30 จะใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีก 30 เท่า คือ 450 นาที จึงจะเกิดอาการแดง อย่าลืมว่าต้องทาหนาให้ได้ ถึง 1 มิลลิเมตรนะคะ

ค่าSPF ยิ่งสูงยิ่งดีหรือไม่
ไม่จำเป็นค่ะ เพราะค่าSPF ตั้งแต่ 15 ขึ้นไป ก็สามารถดูดซับ UV B ได้พอๆกัน คือเกิน 90 % และไม่ว่าจะสูงแค่ไหน ก็ไม่สามารถได้ค่าถึง 100 % ค่ะ









บทความน่ารู้อื่นๆ